วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ปีนภู ดูดอกไม้ ณ เขาทุ่ง

ปีนภู ดูดอกไม้ ณ เขาทุ่ง : คอลัมน์ชวนเที่ยว : โดย...เรื่อง/ภาพ : นพพร วิจิตร์วงษ์


             ทุ่งหญ้า หน้าฝน บนภูสูง ดูจะเป็นสุดยอดปรารถนาในยามนี้ พร้อมกับแอบหวังเล็กๆ ว่า น่าจะมีทะเลหมอกคลอเคลียหน้าผาในยามเช้า ยามเย็น เลยรีบตกปากรับคำ เมื่อเพื่อนเอ่ยปากชวน บวกกับทริปเที่ยวทุ่งดอกไม้กลางสายฝน บนภูสอยดาวพับไป... "เขาทุ่ง" เลยเป็นทางออกสุดท้ายก่อนล้อหมุนในค่ำคืนวันศุกร์ 

             เขาทุ่ง อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นชะง่อนเขาของเขากำแพง ทิวปลายสุดของเขาใหญ่ ระยะทางขึ้นเขาแม้ไม่สูงชัน เพราะมีระดับความสูงแค่ 890 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง แต่ระยะทางไกลถึง 17 กม.ทีเดียว ก่อนไปได้ข่าวว่าที่นี่เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของเขาใหญ่ (ถ้าวิวเปิด) แต่ขณะเดียวกันก็ได้ข่าวว่า เคยมีคนเดินหลงที่นี่อีกเช่นกัน  
             จากกรุงเทพฯ ออกเดินทางสู่จุดนัดหมายที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ หน่วย ขญ.9 แก่งหินเพิง อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี เราใช้เส้นทางรังสิต-นครนายก เพราะนัดเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่งไว้ย่านนั้น กะว่าไปถึงดึกๆ พักเอาแรงสัก 1 ตื่น ยังไงก็ไม่น่าจะหลงทาง เพราะทางเข้าหน่วยอยู่ติดกับที่ทำการอำเภอนาดี พอเลี้ยวเข้าไปมีป้ายบอกทางตามแยก
            รุ่งเช้า เก็บข้าวของ แยกสัมภาระ แพ็กเป้เสร็จก็พากันออกหามื้อเช้ากันที่ร้านอาหารหน้าอำเภอ ก่อนมุ่งหน้าสู่ หน่วย ขญ.8 (ว่านเหลือง) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นเดินเท้าขึ้นเขา เส้นทางก่อนถึงหน่วยฯ กำลังทำทาง เป็นลูกรังแดงๆ เจอฝนเข้าไปเละเอาเรื่อง ยังดีที่รถกระบะเอาอยู่ จุดขึ้นเป้อยู่เลยปากทางเข้าหน่วย ขญ.8 ไปไม่ไกล แต่ทางแคบลงเรื่อยๆ จนเจ้าของรถที่เพิ่งถอยมาใหม่ป้ายแดงใจแป้ว เพราะทั้งกิ่งไม้และหนามคอยระตลอดทาง จนไปสุดทาง เห็นห้องน้ำปากทางเข้าป่า ยังขำขำ ใครจะมาใช้
             แต่พอขึ้นเป้เดินไปได้แค่ 5 นาทีกว่าๆ ก็ถึงชายน้ำตก แก่งไม่ใหญ่แต่ร่มรื่นด้วยไม้ใหญ่ และสายน้ำเอื่อยๆ ลดหลั่นสวยงาม ระดับน้ำกำลังพอแช่เล่นสนุกจนอยากจะเล่นน้ำ เลยถึงบางอ้อ ... น่าจะมีนักท่องเที่ยวมาเล่นน้ำกันบ้างหล่ะ เสียดายแค่ว่า เราเพิ่งขึ้นเป้เดินมาได้นิดเดียว เหงื่อยังไม่ทันออก จะแช่ให้ตัวเปียกก็กระไรอยู่ เพราะระยะทางที่ต้องเดินยังอีกไกลนัก
            ก่อนถึงชายน้ำ เจ้าหน้าที่บอกว่า ให้เก็บก้อนหินไปคนละก้อน จะมีจุดที่นำหินไปวางเพื่อแสดงความเคารพสถานที่ เหมือนขอเข้าป่าใช้เส้นทาง
            "อยากยกก้อนนี้จัง แต่ยกไม่ไหวอ่ะ ช่วยหน่อยดิ" ฉันบอกพร้อมกับชี้ไปที่หินก้อนใหญ่ ฝังอยู่ในดินครึ่งก้อน จนเพื่อนหันมาค้อน 555 สุดท้ายก็หยิบไปได้ก้อนนิดเดียว จนถึงจุดที่วางก้อนหินข้างทาง เห็นกองหินใหญ่จนเพื่อนแซวว่า อีกหน่อยเราคงต้องมาปีนเขาที่นี่แทนแน่ๆ
            เจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นความเชื่อ ที่เห็นเยอะ นี่เพราะมีเด็กๆ มาทัศนศึกษา เดินศึกษาธรรมชาติอยู่หลายกลุ่ม นักท่องเที่ยวขึ้นมาบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงหน้าหนาว เพราะจะเห็นทะเลหมอกตรึมๆ แสงอรุณเบิกฟ้าริมหน้าผาบนยอดเขาจะสวยงาม ส่วนที่มาหน้าฝนคงมีแต่พวกเรากระมัง
             ระยะทางเดินช่วงแรกทางยังชัด ระดับชันยังไม่มาก หากแต่เป้หนักๆ ก็ซวนเซได้ ระหว่างทางนอกจากข้ามธารน้ำตกช่วงแรกแล้ว ไปอีกไม่ไกลยังต้องเลาะข้ามน้ำอีก 2 จุด ก่อนจะค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นไปเจอกับทุ่งโล่งช่วงสั้นๆ ข้างๆ กันเห็นสายน้ำไหล ถามไถ่ถึงได้รู้ว่าเป็นต้นน้ำของน้ำตกอโนดาต ยังไม่ทันจะวางเป้พัก ฝนก็โปรยละอองลงมา แต่แค่แป๊บเดียว ก็หยุดไป
             เกือบ 2 ชั่วโมงที่เดินเท้าจนเกือบบ่าย ก็ไปถึงธารน้ำสุดท้าย ก่อนจะตัดขึ้นเขา เลยได้พักกินข้าวเที่ยงกัน บระเจ้า ... เดินมาตั้งไกลเพิ่งได้ระยะทางแค่ 1 ใน 4 เอง  พักกันครู่ใหญ่ ก็ขึ้นเป้ออกเดินต่อ เจ้าหน้าที่บอกว่าตรงทางชันใช้เวลาอีก 2 ชั่วโมง ถึงจะพ้นขึ้นสันเขา ทางชันฉันว่าไม่เท่าไหร่ แต่ที่หนักใจ หนักกำลังเห็นจะเป็นซุ้มไผ่ที่โน้มตัวเข้าหากันจนกดต่ำ ใครจะผ่านก็ต้องมุดต้องคลาน ฉันโชคดีที่เอามาเฉพาะส่วนที่จำเป็นแบบคนขาสั้น เลยก้มน้อยหน่อยแต่เพื่อนฉันทั้งแบกเสบียงหนักๆ แถมต้องก้มต่ำ จนสุดท้ายเป้ฉุดลงไปนอนแอ้งแม้ง กว่าจะฉุดตัวเองขึ้นมาได้ ก็หัวเราะกันจนเหนื่อย
            กว่าจะผ่านช่วงแห่งความทรมานมาได้ ทำให้รู้ซึ้งถึงสัจธรรม ขาขึ้นอาจจะง่ายสำหรับบางคน แต่ส่วนใหญ่แล้วกว่าจะขึ้นได้ก็เหนื่อยสุดๆ เหมือนกัน ผิดกับขาลงที่แทบจะไถลตัวลงมาได้อย่างรวดเร็ว เหมือนกับตอนชีวิตตกอับซะจริงๆ
           ถึงตอนหลัง ฉันเริ่มเหนื่อย เลยเดินไป หยุดถ่ายรูปไป หน้าฝนที่นี่ยังหลากหลายไปด้วยดอกไม้ดิน ทั้งเห็ดหลากชนิด บีโกเนียพันธุ์ต้นเล็กๆ และ ดอกดินที่ชูช่อดอกให้เห็นเป็นระยะ รวมถึง "พิศวง" พืชกินซากต้นจิ๋ว ที่มีให้เห็นในผืนป่าเขาใหญ่
          ฉันเดินเกาะกลุ่มหลัง จะได้ไม่ต้องเร่งมากนัก เดินไป พักไป จนเจอรอยกระทิง เดินตามดูเพลินจนเกือบหลงแยก ดีที่ว่ามีเจ้าหน้าที่เดินปิดท้ายกับกลุ่มเพื่อน เลยรอดตัวไป
          ราว 5 โมงเย็น ฝนเริ่มลงละอองอีกครั้ง แต่ก็โชคดีที่เราโผล่ไปเจอกับทุ่งโล่งๆ กว้างๆ กับหน้าผา  "ไชโย ... เราถึงแล้ว" ฉันทิ้งเป้ลงก่อนที่จะมองหาทำเลที่พักซะอีก เพราะตื่นเต้นกับ กระดุมเงิน และสร้อยสุวรรณา ที่ออกดอกกระจายในท้องทุ่งให้เห็น  มิน่า ...มิน่า ถึงเรียกว่าเขาทุ่ง
           เจ้าหน้าที่บอกฉันว่า ลงไปพักใกล้แหล่งน้ำข้างล่างจะสะดวกกว่า แต่เพื่อนที่ขึ้นมาก่อนไปดูทำเลแล้วลงความเห็นว่า นอนกันริมหน้าผาน่าจะเวิร์กกว่า เพราะบานหินเรียบ มีมุมหลบลมข้างพุ่มไม้ แถมมีต้นไม้ให้ผูกเปลที่หลบเข้ามาด้านในด้วย เอาเป็นว่า ค่ำนี้เราจะตั้งแคมป์ท้าทายลมฝนกันบนหน้าผา นี่ถ้าเป็นช่วงหน้าหนาว หรือช่วงฝนหนักๆ ฉันคงคิดหนัก
            พอรู้แหล่งที่ตั้ง ฉันยังไม่ทำอะไรทั้งนั้น ขอเดินดู เดินถ่ายรูปดอกไม้ดินเล็กๆ เหลืองๆ ที่เพิ่งเคยเห็นตอนออกดอกเยอะๆ ซะก่อนที่แดดจะหมดและฝนจะลงหนัก ก็ตั้งแต่เดินป่า ท่องเที่ยวธรรมชาติมาตั้งนาน ฉันยังไม่เคยไปถึงทุ่งดอกไม้แห่งสมอปูน ของเขาใหญ่ หรือดงนาทาม แห่งผาชะนะได ที่ขึ้นชื่อทั้งสร้อยสุวรรณาและดุสิตา เลยนี่นา
             จากหน้าผา เดินผ่านทุ่งหญ้าลงไปธารน้ำ ชำระร่างกายซะหน่อย ระหว่างทางอยากจะกรี๊ดดังๆ เพราะทุ่งที่ผ่านมา เจอทั้งดอกหงอนนาค แม้จะไม่มากนัก แต่สร้อยสุวรรณาแน่นกว่าแถวหน้าผาเยอะนัก เสียดายไม่ได้หยิบกล้องถ่ายรูปติดมือไปด้วย เลยได้แต่หมายมาดพรุ่งนี้จะมาเดินเก็บภาพอย่างเดียว ฝนอย่าตกก็แล้วกัน  ... ยามนี้เอาแน่เอานอนกับฝนฟ้าไม่ได้ซะด้วย
             ราตรีนี้ไม่ยาวไกล แต่ก็โชคดีที่ไม่มีฝนมากวนใจ ให้คนนอนกองกลาง หรือที่พวกเราจะเรียกว่านอนปลาทู ให้ต้องนอนแช่น้ำ แต่เช้าๆ ฟ้าก็ไม่ค่อยสดใส เพราะมีเมฆมากกว่าที่ดวงอาทิตย์จะเปล่งแสงขึ้นมาได้ ก็สายโด่ง เราก็เลยตื่นมาจัดการมื้อเช้ากันสายๆ ไม่แพ้กัน
            หลังมื้อเช้า มีเวลาอีกยาว เลยตะเวนเดินเล่นในทุ่งหญ้า ฉันชอบชายป่าด้านริมธารน้ำจัง เหมือนมีป่า 3 ระดับ ทั้งทุ่งหญ้า ดงเฟิร์นต้นและดงไม้ใหญ่ ขณะที่ริมก้อนหินใหญ่ที่ชุ่มน้ำ จะมีดอกไม้เล็กแต่งแต้มสีสัน แต่ไม่วายแอบเห็นขี้ช้างก้อนใหญ่ๆ ดีที่ว่าสภาพไม่ใหม่ให้ใจแป้ว ถ่ายรูปกันจนเกือบเที่ยงถึงได้เก็บข้าวของ โบกมือลาเขาทุ่งก้มหน้าก้มตาแบกเป้เดินทางกลับ ถึงตอนนี้ใจฉันปลิวไปอยู่ที่ธารน้ำตกริมชายป่าซะแล้ว
             ธรรมชาติของป่าหน้าฝน ให้ความชุ่มฉ่ำ แต้มระบายด้วยสีสันของดอกไม้ดิน แต่ขณะเดียวกัน ป่าสวยงามอาจก็เปลี่ยนเป็นโหดร้ายได้ในพริบตา ถ้าฝนถล่มจนเกิดน้ำป่า ... ต้องไม่ประมาท
................................
ติดต่อ ขญ.8 (ว่านเหลือง)  คุณไพรัตน์  08-6071-4957
...............................
(ปีนภู ดูดอกไม้  ณ เขาทุ่ง : คอลัมน์ชวนเที่ยว : โดย...เรื่อง/ภาพ : นพพร วิจิตร์วงษ์ )

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น