วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

นอนดึก ตื่นสาย ทำลายภูมิคุ้มกันร่างกาย

ปัญหาการนอนหลับ นอนดึกตื่นสาย ทำลายภูมิคุ้มกันร่างกาย (หมอชาวบ้าน)โดย แพทย์แผนจีน นพ.ภาสกิจ (วิทวัส) วัณนาวิบูล
          หลังจากตรากตรำงานหนักมาตลอด 5 วัน ต้องตื่นเช้าไปทำงาน หรือเรียนหนังสือ ดังนั้น พอถึงเย็นวันศุกร์-เสาร์ ชีวิตของคนทำงานหรือคนในเมืองส่วนใหญ่ก็จะพักผ่อน ดูโทรทัศน์ ดูหนัง ท่องอินเทอร์เน็ต นัดสังสรรค์ เที่ยวกลางคืนจนดึกดื่นเลยเที่ยงคืน แล้วนอนเต็มที่ วันรุ่งขึ้น ตื่นนอนตอนสาย บางคนเลยเที่ยงวันไปก็มี ไม่ต้องกินมื้อเช้า          น่าเป็นห่วงว่าเด็กสมัยนี้จำนวนมากมีวิถีชีวิตแบบนี้ โดยเฉพาะเด็กมหาวิทยาลัย (วันเสาร์-อาทิตย์ไม่ต้องตื่นแต่เช้าไปกวดวิชาเหมือนตอนอยู่ประถมหรือมัธยม)
          บางคนสำคัญผิดคิดว่า นี่คือวันแห่งเสรีภาพที่ได้รับการปลดปล่อยประจำสัปดาห์ นอนให้อิ่มไปเลย อาหารเช้าไม่ต้องกิน แถมยังเป็นการลดความอ้วนไปในตัว
แต่หารู้ไม่ว่าวิถีชีวิตแบบนี้คือการบั่นทอนและทำลายร่างกายไปโดยไม่รู้ตัว เป็นปัญหาสุขภาพที่จะตามมาในอนาคต

การนอนตื่นสายผิดวิถีธรรมชาติ
          ในช่วงเช้า 05.00-07.00 น. รุ่งอรุณ ดวงอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้าทางทิศตะวันออก ฟ้าเริ่มสว่าง ประตูแห่งดินได้เปิดขึ้น ร่างกายมนุษย์มีรูทวารหนักเสมือนประตูแห่งดินก็จะเปิดเช่นกัน (ลำไส้ใหญ่พร้อมจะบีบตัว เพื่อขับของเสียที่ผ่านการทำลายของตับมาแล้ว ขจัดออกจากร่างกายทางการขับอุจจาระและปัสสาวะ)

          วัฏจักรของการทำงานรอบใหม่ ความจริงเริ่มต้นตั้งแต่ช่วง 03.00-05.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่พลังร่างกายกำลังผันแปรจากการสะสมที่หยุดนิ่ง สู่การเคลื่อนไหวกระจายพลังไปยังอวัยวะต่าง ๆ ซึ่งตรงกับการทำงานของอวัยวะปอดนั่นเอง
          การตื่นสายโดยเฉพาะหลัง 09.00 น. จนถึงเที่ยงหรือบ่าย บางคนเข้าใจผิด มองว่าทำให้มีการพักผ่อนเต็มที่ชดเชยการพักผ่อนไม่เพียงพอในวันก่อน ๆ ไม่ต้องกินอาหารมื้อเช้า เท่ากับเป็นการลดน้ำหนักไปในตัว ซึ่งเป็นการเข้าใจผิดอย่างมาก
ผลเสียอะไรที่จะตามมา ถ้านอนดึก และตื่นสายมาก ๆ

           ความเข้าใจผิดข้อหนึ่งของคนทั่วไปคือ คิดว่าการนอนหลับสามารถชดเชยได้ ด้วยการนอนให้พอ 8-10 ชั่วโมง เช่น ถ้านอนดึกมากก็ตื่นสาย ๆ เป็นการนอนชดเชย ถ้ากลางคืนไม่นอนก็นอนกลางวันทดแทนได้
        

          ลองคิดดูหากช่วงเวลา 07.00-09.00 น. ไม่กินอาหาร ในที่สุดกระบวนการสะสมทุน (สารจิง) ในร่างกายก็จะน้อยลง ช่วงนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุด หรือเหมาะสมที่สุดในการสะสมทุกให้กับร่างกายด้วยการกินอาหาร
          การกินอาหารในช่วงเวลานี้ ร่างกายนอกจากจะย่อยดูดซึมดีแล้ว ยังส่งไปหล่อเลี้ยงเครื่องจักรหรืออวัยวะต่าง ๆ ให้ทำงานได้ดีด้วย พลังงานที่ใช้เงินทุนหมุนเวียน หรือสภาพคล่องก็จะดี อาหารตกค้างหรือสะสมจึงมีน้อยและโอกาสที่ทำให้เกิดโรคอ้วนก็มีน้อยเช่นกัน

          ในทางตรงข้ามถ้าไปกินมื้อดึกเป็นมื้อหนัก โดยเฉพาะหลังเที่ยงคืน ด้านหนึ่งร่างกายจะย่อยดูดซึมอาหารไม่ดี อีกด้านหนึ่งอวัยวะต่าง ๆ ต้องการพักผ่อนไม่ต้องการพลังงานจึงเกิดการตกค้างของอาหาร และพลังที่เหลือใช้ก็จะถูกสะสมในร่างกาย เป็นความชื้น เสมหะ หรือไขมันใต้ผิวหนังนำมาซึ่งโรคอ้วน
          โบราณกล่าวว่า "ม้าไม่กินหญ้ากลางคืน...ไม่อ้วน"

 2.ช่วงเช้าเป็นช่วงที่บรรยากาศเป็นพิษมากที่สุด โดยเฉพาะในห้องนอน
          เนื่องจากห้องปิดทึบ ผ่านอากาศที่เย็นเป็นภาวะยิน ทุกอย่างเก็บสะสมรวมตัวสู่เบื้องล่าง ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นมลพิษ ช่วงเช้าต้องปล่อยให้แสงอาทิตย์ส่องเข้าไปทำลาย และเปิดหน้าต่างระบายมลพิษต่าง ๆ ออกจากห้องนอน การนอนหมกอยู่ในห้องนอนที่มีมลพิษช่วงเช้า จะทำให้เกิดภาวะภูมิแพ้ ไอ แพ้อากาศ และเกิดการสะสมมลพิษจากการหายใจได้มาก ยิ่งถ้าห้องนอนสกปรก เหม็นอับ อากาศถ่ายเทไม่ดี แสงแดดเข้าไปถึง ทำให้เกิดอาการไม่สบายบ่อย ๆ

          ที่กล่าวมานี้เป็นเหตุผลบางประการที่นำมาเล่าสู่กันฟัง พฤติกรรมแบบนี้ของเด็กสมัยใหม่เป็นกันแทบทุกบ้านจนเป็นปัญหาของคุณพ่อคุณแม่ ส่วนเด็กทั้งหลาย ยามที่ไม่ประสบกับปัญหาสุขภาพ พวกเขาจะยังไม่เข้าใจและยอมรับฟังสักเท่าไร เพราะเพื่อน ๆ ก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้น
 3.คนที่ทำงานมากจนถึงดึกดื่น ควรจะทำอย่างไร

          แนะนำให้นอนก่อนเพื่อเก็บพลัง แล้วตื่นนอนแต่เช้ามาทำงาน สมองจะปลอดโปร่งกว่า คนบางคนกินกาแฟกระตุ้นในช่วงกลางคืน ทำให้ตาสว่างทำงานได้ถึงตี 3-4 หารู้ไม่ว่าเวลาดังกล่าวพลังหยางถูกนำมาใช้ ทั้ง ๆ ที่ยังเก็บสะสมได้ไม่เพียงพอหรือยังไม่ได้สะสมเลย แน่นอนระยะยาวร่างกายต้องเสื่อมถอยอย่างรวดเร็ว

         
ปัญหาเรื่องนี้ เป็นเรื่องสำคัญจริง ๆ คนเราพยายามเรียนหาความรู้มากมายใส่ตัว เพื่อความเป็นเลิศ แต่ต้องพึงสำนึกว่า แม้จะเก่งยอดเยี่ยมสักปานใด แต่ถ้าสุขภาพไม่ดี หรือมีปัญหาสุขภาพแล้ว เราจะรู้สึกเสียใจและเสียดาย เพราะเวลาที่ผ่านมาในอดีต เราได้ทำลายตัวเราเองตลอด ถึงตอนนั้น เงินทองที่หามาได้ อาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาสุขภาพที่เสียหายไปมากแล้วกลับคืนมาได้
 คัมภีร์ "หวงตี้เน่ยจิง" ซึ่งเป็นคัมภีร์ทางการแพทย์กว่า 2,400 ปี มีเนื้อหาสำคัญเกี่ยวกับการรักษาเมื่อไม่เกิดโรค หรือการดูแลสุขภาพ เพื่อไม่ให้เกิดโรค ได้อธิบายและชี้แนะถึงวิถีแห่งธรรมชาติ ว่า การดำเนินชีวิตจะต้องสอดรับมีจังหวะที่สอดคล้องกัน เป็นแนวทางในการดูแลสุขภาพและป้องกันไม่ให้เกิดโรค และหนทางสู่การมีอายุที่ยืนยาวปราศจากโรค

การตื่นสายโดยเฉพาะหลัง 09.00 น. ถึงเที่ยงหรือบ่าย จะทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ดังนี้
1.ขาดการกินอาหารมื้อเช้า ซึ่งเป็นอาหารมื้อหลัก          อาหารมื้อเช้ามีความสำคัญที่สุด ด้านหนึ่งพลังลมปราณของกระเพาะอาหารสูงสุด อาหารมื้อเช้าสามารถย่อยและดูดซึมได้ดีที่สุด และจะส่งต่อไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ในเวลาถัดมาเป็นกระบวนการต่อเนื่อง
          ถ้าเปรียบร่างกายเป็นเสมือนโรงงานผลิตสินค้า การพัฒนาเติบโตของกิจการไปข้างหน้าของโรงงานต้องอาศัยการป้อนวัตถุดิบ และผ่านกระบวนการผลิตจนได้สินค้าออกจำหน่าย เพื่อเกิดรายได้มาหล่อเลี้ยงคนงาน และทุกภาคส่วนของโรงงาน
          กระเพาะอาหาร คือ เครื่องจักรในการรับวัตถุดิบ เพื่อนำไปแปรสภาพเป็นทุก ๆ อย่าง ทุกแผนกของโรงงาน ถ้าถึงเวลาที่เครื่องจักรเริ่มทำงานแล้ว ไม่มีวัตถุดิบป้อนเข้าไปก็จะกระทบกับแผนกงานต่าง ๆ กระทั่งรายได้ของโรงงาน และความดำรงอยู่ของโรงงาน นาน ๆ เข้าก็คือโรงงานจะอยู่ไม่ได้          แพทย์แผนจีนให้ความสำคัญระบบกระเพาะอาหารและม้าม คือ แหล่งทุนที่สำคัญที่สุดในการสะสมทุน (สารจิง) ทุกคนมีทุนสะสมจากพ่อแม่เรียกว่า จิงของไต แต่ทุนเหล่านี้บางคนอาจได้รับมามาก บางคนรับมาน้อยไม่เท่ากัน จิงจากการแปรเปลี่ยนจากอาหารโดยการทำงานของกระเพาะอาหารและม้าม คือทุนภายหลังที่จะมาเติมเต็มหรือเสริมจิงเดิม (ทุนเดิม) ที่มาจากพ่อแม่

10 วิธีคืนความสมดุลให้กับร่างกายรับหน้าฝน

          ความสมดุลในร่างกาย คือ การที่ระบบอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายทำงานอย่างสัมพันธ์กัน โดยความสมดุลของร่างกายอยู่ที่ประมาณ 37 องศา ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ว่าอุณหภูมิภายนอกจะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นร้อน เย็น หรือชื้น ร่างกายก็จะปรับอุณหภูมิภายในให้อยู่สภาวะคงที่ 37 องศา          
 แต่อากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยในช่วงหน้าฝน บางครั้งก็ร้อนอบอ้าว บางครั้งก็ร้อนชื้น ปริมาณความชื้นในอากาศที่เพิ่มขึ้น ทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทันและเกิดความไม่สมดุล จึงแสดงอาการต่าง ๆ ออกมา เช่น เจ็บคอ เป็นหวัด น้ำมูกไหลตลอดเวลา ผื่นแพ้ผิวหนัง ฯลฯ 

           แต่ในทางกลับกันอุณหภูมิ และสภาพอากาศเช่นนี้เป็นที่ชื่นชอบเหมาะในการเจริญเติบโตและแพร่กระจายของเชื้อไวรัสได้เป็นอย่างดี คนที่มีปัญหาเรื่องภูมิแพ้อากาศจึงมีโอกาสเป็นได้บ่อยและมากกว่าปกติ ดังนั้นเราจึงควรหาวิธีดูแลและเตรียมตัวรับมือกับอากาศที่แปรปรวนในช่วงหน้าฝน เพื่อคืนความสมดุลให้กับร่างกายเสียแต่เนิ่น ๆ 

            นายแพทย์ พลวิช กล้าหาญ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับสมดุลสุขภาพและความงาม จาก ALIVE Wellness Solutions แนะวิธีคืนความสมดุลให้กับร่างกายในช่วงหน้าฝนว่า ช่วงนี้อากาศค่อนข้างแปรปรวน ไม่โปร่งโล่งสบาย เชื้อไวรัสจึงเติบโตได้ดี และมีอายุในการเจริญเติบโตได้นานกว่าช่วงอื่น ๆ ทำให้โรคที่พบส่วนใหญ่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัด ไซนัส ภูมิแพ้ผิวหนัง ภูมิแพ้อากาศ เป็นต้น เมื่อไม่สามารถควบคุมสภาวะอากาศให้บริสุทธิ์สดชื่นและสมดุลได้ เราจึงควรสร้างสมดุลให้กับตัวเองเพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ด้วย 10 วิธีง่าย ๆ ช่วยรับมือกับอากาศแปรปรวนในหน้าฝน

          1.ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย 1.5 ลิตร เพื่อให้สมดุลของอุณหภูมิในร่างกายคงที่ จะช่วยทำให้โอกาสการติดเชื้อลดลง

          2.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง ถ้านอนหลับยาก ลองรับประทานกล้วยหอมก่อนนอน ซึ่งกล้วยหอมจะมีสารทริปโตเฟน ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายและหลับได้ง่ายขึ้น

          3.หน้าฝนมักจะไม่ค่อยเสียเหงื่อ เพราะอากาศชื้น ควรออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายได้ขับของเสีย อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกายวิธีหนึ่งด้วย

          4.อาหารที่ควรรับประทานอาหาร ได้แก่ ขิง ข่า ตระไคร้ ใบกะเพรา กระชาย เป็นต้น เพราะเป็นอาหารที่มีความเผ็ดร้อน เป็นการเพิ่มอุณหภูมิให้แก่ร่างกาย 

          5.อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงรับประทาน คือ อาหารที่มีฤทธิ์เย็น รสขม เพราะจะทำให้อุณหภูมิในร่างกายลดต่ำลงมากกว่าเดิม ส่งผลให้ระบบการย่อยทำงานหนัก ย่อยยาก 

          6.ไม่ควรอยู่ในที่อึดอัด เพราะจะทำให้ติดเชื้อได้ง่าย ควรอยู่ที่อากาศแห้งและถ่ายเทสะดวก เปิดประตูหน้าต่างเพื่อระบายอากาศ และทำตัวเป็นมนุษย์สะอาด ล้างมือทุกครั้งหลังทำกิจกรรมเพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค

          7.หน้าฝนอากาศไม่ปลอดโปร่ง ทำให้คนมีจิตใจหดหู่ ควรหาเวลาไปพักผ่อนเพื่อเพิ่มออกซิเจนบริสุทธิ์ให้กับร่างกาย

          8.อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ทำให้ร่างกายเสียสมดุลได้ง่าย เสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายด้วยการรับประทานวิตามินซีเสริมวันละ 500-1,000 มิลลิกรัม

          9.ควรใส่เสื้อผ้าสีสดใส เพื่อเติมพลังงานให้กับจิตใจ ใครจะคิดบ้างว่าแค่การปรับเปลี่ยนสีเสื้อผ้าก็ทำให้อารมณ์คุณเปลี่ยนแล้ว

          10.นอกจากเตรียมความพร้อมของร่างกายแล้ว ควรเตรียมความพร้อมด้านจิตใจ ทำจิตใจให้สงบนิ่ง ด้วยการนั่งสมาธิ เพื่อรับมือกับทุกสภาวะ

วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

10 อันดับ ดาวที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ(ของเรา)

10 Titan

มีขนาดถึง 5,150 ตารางกิโลเมตร มีขนาดเมื่อเปรียบเทียบกับโลกคือ 0.404 เท่า


9 Ganymede

Ganymede มีขนาดถึง 5,262 ตารางกิโลเมตร มีขนาดเมื่อเปรียบเทียบกับโลกคือ 0.413 เท่า
8 Mars

Mars มีขนาดถึง 6,805 ตารางกิโลเมตร มีขนาดเมื่อเปรียบเทียบกับโลกคือ 0.533 เท่า


7 Venus

Venus มีขนาดถึง 12,104 ตารางกิโลเมตร มีขนาดเมื่อเปรียบเทียบกับโลกคือ 0.949 เท่า


6 Earth

Earth มีขนาดถึง 12,756 ตารางกิโลเมตร

5 Neptune

Neptune มีขนาดถึง 49,528 ตารางกิโลเมตร หรือมีขนาดใหญ่กว่าโลกถึง 3.883 เท่า

4 Uranus

Uranus มีขนาดถึง 51,118 ตารางกิโลเมตร หรือมีขนาดใหญ่กว่าโลกถึง 4.007 เท่า

3 Saturn

Saturn มีขนาดถึง 120,536 ตารางกิโลเมตร หรือมีขนาดใหญ่กว่าโลกถึง 9.449 เท่า


2 Jupiter

Jupiter มีขนาดถึง 142,984 ตารางกิโลเมตร หรือมีขนาดใหญ่กว่าโลกถึง 11.209 เท่า



1 Sun

Sun มีขนาดถึง 1,392,140 ตารางกิโลเมตร หรือมีขนาดใหญ่กว่าโลกถึง 109.136 เท่า

วันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

กระเทียม‘ กลิ่นฉุน...แต่อุดมคุณประโยชน์


 


หากพูดถึง ‘กระเทียม' คงทำให้ใครหลายๆ คนนึกถึงกลิ่นที่แสนฉุนและรสชาติอันเผ็ดร้อนเป็นอันดับต้นๆ แต่หากคุณมองข้ามกลิ่นและรสชาติที่ไม่ถูกปากนี้ไป คุณก็จะพบสรรพคุณที่หลากหลายจากกระเทียมกลีบเล็กๆ ที่ห่อหุ้มด้วย เยื่อบางสีขาวอมชมพูนี้ ไม่ว่าจะเป็นตัวช่วยลดความดันโลหิตสูง ป้องกันโรคหลอดเลือดอุดตัน เนื่องจากกระเทียมมีสารที่ช่วยละลายไขมันในหลอดเลือด ช่วยกระตุ้นการบีบตัวของผนังกระเพาะและลำไส้ หากนำกระเทียม 5-7 กลีบ มาบดให้ละเอียด ผสมกับน้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ ปรุงรสนิดหน่อยด้วยน้ำตาลและเกลือเล็กน้อย แล้วกรองเพื่อสกัดเอาแต่น้ำ ดื่มวันละ 3 ครั้ง หลังรับประทานอาหาร ก็จะช่วยขับลมในกระเพาะอาหาร แก้ปัญหาท้องอืดท้องเฟ้อได้อีกด้วย

7สิ่งไม่ควรทำหลังอาหาร





คนส่วนใหญ่ คิดว่าหลังรับประทานอาหาร ควรตบท้ายด้วยของหวานหรือผลไม้ ไปจนถึงการเดินย่อย แต่รู้หรือไม่ว่านั่นเป็นความเข้าใจผิด ไปดูกันว่ามีข้อห้ามหลังรับประทานอาหารอะไรบ้าง
1. อย่าสูบบุหรี่ จากผลการทดลองของผู้เชี่ยวชาญพบว่า การสูบบุหรี่หลังอาหาร เทียบได้กับการสูบบุหรี่ยามปกติถึง 10มวน (ทำให้มีโอกาสเป็นมะเร็งมากขึ้น ซึ่งสูบปกติก็มีโอกาสเป็นอยู่แล้ว)
2. อย่ากินผลไม้ทันทีหลังอาหาร เพราะมันไปพองในท้องคุณ ให้กินผลไม้ 1หรือ 2ชม. ก่อนหรือหลังอาหารก็ได้จะดีกว่า
3. อย่าดื่มน้ำชา เพราะว่าใบชามีความเป็นกรดสูง ทำให้โปรตีนในอาหารที่เรากินกระด้างขึ้นทำให้ย่อยยาก
4. อย่าขยายเข็มขัดหลังกินอิ่ม เพราะเป็นเหตุให้ลำไส้ไม่ปกติ
5. อย่าอาบน้ำหลังกินข้าว เพราะการอาบน้ำ จะทำให้โลหิตไหลเวียนไปที่มือ และเท้าทั่วร่างกาย เป็นเหตุให้ปริมาณโลหิตไหลเวียนบริเวณท้องก็เพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ไม่เต็มที่
6. อย่าเดินหลังอาหาร แม้คุณจะเคยได้ยินว่า กินข้าวแล้วให้เดินสัก 100ก้าวจะทำให้อายุยืน ถึง 99ปี การเดินทันทีทำให้การย่อยเพื่อดูดซึมสารอาหารทำได้ไม่ดี ควรรออย่างน้อยสักชั่วโมงค่อยเดิน ถ้าต้องการ
7. อย่านอนทันที อาหารที่รับประทานเข้าไปไม่สามารถย่อยได้เต็มที่ อาจทำให้เกิดลมหรือแก๊สในทางเดินอาหาร
ที่มา : หนังสือพิมพ์ดิจิตอล Investor Station

ลูกเดือย เม็ดเล็กๆ แต่คุณประโยชน์ไม่เล็ก




หลายคนคงรู้จักลูกเดือยที่มีหน้าตาเป็นเม็ดเล็กๆ กลมๆ แต่ถึงแม้ว่า
จะมีขนาดเล็ก แต่ลูกเดือยกลับให้คุณประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะมีฤทธิ์เป็นยาเย็นช่วยบำรุงกำลัง บำรุงปอด ม้าม ตับ ขับปัสสาวะ หล่อลื่นกระเพาะอาหารและลำไส้ แก้ปัญหาทางเดินหายใจ ไขข้อกระดูก เหน็บชา แก้ร้อนในกระหายน้ำ และยังช่วยลด
การเกิดมะเร็ง เพราะมีสารคอกซีโนไลด์ (Coxenolide) ซึ่งมีสรรพคุณในการยับยั้งการเกิด
เนื้องอก ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าลูกเดือยนั้นมีคุณค่าทางอาหารสูง โดยเฉพาะฟอสฟอรัสซึ่งมีสรรพคุณช่วยบำรุงกระดูกมีอยู่ในปริมาณสูง และวิตามินเอที่ช่วยบำรุงสายตาอีกด้วย
ด้วยสรรพคุณที่หลากหลาย และคุณประโยชน์ที่มากมายเกินขนาดเล็กๆ นั้นทำให้ชาวจีนต่างยกย่องลูกเดือยว่าเป็นยาอายุวัฒนะอีกชนิดหนึ่งเลยทีเดียว

ประโยชน์อันน่าทึ่งของวอดก้า


ขวดวอดก้าที่คุณมีติดบ้านไว้ แต่ไม่ค่อยได้ดื่ม รู้ไหมว่าวอดก้าสามารถช่วยคุณในเรื่องงานบ้านได้เหมือนกัน ถ้าเกิดปัญหาเหล่านี้ วอดก้าช่วยคุณได้สารพัดเลย
ลดกลิ่นอับบนเสื้อผ้าวอดก้านั้นช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียตกค้างในเสื้อผ้าได้ และยังไร้กลิ่น คุณจึงสามารถนำไปฉีดพรมบนเสื้อผ้า แล้วนำไปผึ่งให้แห้งในที่ที่ระบายอากาศได้ดี จากนั้นก็นำมาใส่ได้ทันที
ช่วยให้ดอกไม้สดนาน
แค่ใส่วอดก้าเพียงหยดเดียว กับน้ำตาลหยิบมือเล็กๆ ผสมลงไปในน้ำที่ใส่แจกันดอกไม้ ก็ช่วยให้ดอกไม้อยู่เพิ่มความสดใสให้บ้านคุณนานขึ้น
ฉีดไล่แมลงวัน
ถ้าไม่คิดว่าเป็นการลงทุนที่สูงเกินไปล่ะก็ หากคุณนำวอดก้าใส่ขวดสเปรย์แล้วนำไปฉีดพ่น จะเป็นยาไล่แมลงวันและแมลงรบกวนอื่นๆได้
ช่วยฆ่าวัชพืช
วอดก้าหนึ่งออนซ์ผสมกับน้ำยาล้างจานสองสามหยด และน้ำเปล่า 2 ถ้วย สามารถนำไปฉีดพ่นฆ่าวัชพืชเล็กๆได้
ล้างพิษสัตว์ทะเล
หากปวดแสบปวดร้อนจากแมงกะพรุน ราดวอดก้าบนแผล จะช่วยลดอาการปวดแสบปวดร้อนและผิวบวมแดงได้
ลบคราบเปื้อน คราบแน่นๆบนเสื้อผ้า
ใช้วอดก้าผสมกับน้ำยาขจัดคราบ แล้วนำไปซักตามปกติ
น้ำยารีดผ้า
ตวงวอดก้าประมาณ 3 ออนซ์ กับน้ำมันสกัดจากลาเวนเดอร์ 12 หยด ผสมให้เข้ากันทิ้งไว้ 1 วัน แล้วจึงเติมน้ำบริสุทธิ์ 12 ออนช์ เขย่าให้เข้ากัน นำไปใช้ฉีดพรมผ้าก่อนรีด เก็บไว้ในตู้เย็นได้ประมาณ 6 สัปดาห์ก่อนกลิ่นลาเวนเดอร์จะระเหยไป
ขจัดคราบรา
ใช้วอดก้าพ่นลงบนคราบราที่ต้องการกำจัด ปล่อยทิ้งไว้ 30 นาที แล้วจึงใช้ผ้าเช็ด หรือใช้แปรงปัดคราบราออก
ช่วยขัดเงา
ไม่ว่าจะเป็นโลหะ เครื่องแก้วหรือดินเผา ถ้าต้องการประกายเงางาม ก็แค่ใช้ผ้าจุ่มลงในวอดก้า นำไปขัดบนวัตถุที่คุณต้องการ ก็จะได้ความเงาวาวชวนว้าวแล้ว
ลอกคราบเหนียวจากสติ๊กเกอร์
แถบกาวสติ๊กเกอร์เหนียวๆ ที่ติดค้างบนผนังและวัตถุอื่นๆ ใช้ฟองน้ำจุ่มในวอดก้า ขัดคราบเหนียวออก แล้วล้างด้วยน้ำผสมน้ำยาล้างจานเล็กน้อย ก็บอกลาคราบกาวได้เลย

อากาศร้อนเสี่ยงทำดวงตาป่วย

ในช่วงเวลาที่มีอากาศร้อน อวัยวะที่มีความอ่อนไหวที่สุดคือ ดวงตา ประชาชนจึงไม่ควรที่จะลืมดูแลและถนอมดวงตา

เพราะอากาศที่ร้อน แห้ง จะทำให้ตามีอาการแห้ง เคืองตา แสบตาและปวดตาได้ง่ายๆ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ เด็กผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ ผู้ที่มีโรคเยื่อบุตาขาวอักเสบจากภูมิแพ้ และผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน จะส่งผลให้มีอาการตาแห้ง อักเสบมากขึ้น นอกจากนี้ อากาศร้อน เหงื่อจะออกมากว่าปกติ ซึ่งคนส่วนใหญ่ถ้าเหงื่อไหลบนใบหน้า หรือไหลเข้าตาจะใช้มือเช็ดเหงื่อ เป็นสิ่งที่ต้องระวัง หากมือไม่สะอาดเกิดการอักเสบที่ตาได้ง่าย เช่น หนังตาอีกเสบ โรคตากุ้งยิง

วิธีการป้องกันไม่ให้เกิดอาการดังกล่าวจะต้องให้ดวงตาชุ่มชื้น มีน้ำในดวงตาตลอดเวลา
ด้วยการดื่มน้ำมากๆ จากปกติที่ดื่มน้ำสะอาด 8-10 แก้วหรือประมาณ 3 ลิตรหากไม่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคไต ก่อนออกแดดควรดื่มน้ำ 1-2 แก้วสวมแว่นกันแดด ที่สามารถป้องกันแสงยูวีได้ใส่หมวกแก๊ป หรือกางร่มเมื่อต้องออกกลางแดด วิธีการเหล่านี้จะช่วยป้องกันแสงแดดและลดการสูญเสียน้ำจากดวงตาได้ ฺ
"ดวงตาไม่เหมือนอวัยวะอื่นๆ ในร่างกายที่มีการป้องกันไม่ให้สัมผัสโดนแสงแดดโดยตรง เช่น หัวมีหนังศรีษะและผมคอยป้องกัน ผิวหนังก็สามารถหาเสื้อผ้ามาสวมใส่กันแสงแดดได้ ส่วนดวงตามีเพียงหนังตาที่คอยหลับกันความร้อนเท่านั้น แต่ปกติตาจะต้องเปิดอยู่ตลอดเวลาทำให้ไม่สามารถป้องกันแสงแดดได้ตลอดเวลา จะป้องกันได้เฉพาะช่วงที่ตากระพริบที่จะเกิดขึ้นราว 5-6 วินาทีต่อครั้งเพื่อให้น้ำตาได้เคลือบดวงตา"

ที่มา : นพ.ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ จักษุแพทย์ประจำโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า
กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)

จริงหรือไม่ “หมาหอนเพราะเห็นผี“



เสียงหมาหอนลอยลมมาแล้ว... คนเขาเล่ากันว่าอยู่ดีๆ หมามันไม่หอนหรอก เหตุที่หมาหอนอย่างโหยหวนในยามค่ำคืนก็เพราะพวกมันเห็นใครคนหนึ่งที่มนุษย์มองไม่เห็น คือผีนั่นเอง
ก็เลยขนลุกเพราะได้ยินเสียงหมาหอนกันมาหลายชั่วอายุคนเพราะกลัวผี
ความจริงการหอนของหมาอธิบายได้ด้วยความรู้ทางวิทยาศาสตร์หมาเป็นสัตว์ที่มีหูไวเป็นพิเศษ สามารถรับฟังเสียงที่มีความถี่ต่างๆ กันอย่างที่มนุษย์ทำไม่ได้ เสียงบางเสียงจึงรบกวนระบบประสาทของหมา หมาจึงมีปฎิกิริยาด้วยอาการหอน
ใครอยู่ในต่างจังหวัดและใกล้วัด จะสังเกตได้ว่าเมื่อพระตีระฆัง หมาก็จะหอนรับเป็นทอดๆ เพราะเสียงระฆังเข้าไปรบกวนประสาทของหมาเข้าอย่างจัง การหอนจึงเป็นการสื่อสารในหมู่หมาเพื่อให้หมาตัวอื่นๆ รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อีกกรณีที่พบมาก คือหมาที่ถูกนำมาฝากไว้ในร้านของสัตวแพทย์ ตกกลางคืนก็จะหอนเพราะคิดถึงเจ้าของ จึงเรียกร้องความสนใจ
เหตุที่หมาหอนตอนกลางคืนมาก เป็นเพราะว่ากลางคืนเป็นเวลาที่หมาอยู่โดดเดี่ยว มีอิสระในการทำอะไรตามใจตัวเอง หมาก็เลยหอนเพื่อสื่อสารกันในตอนนั้น
สรุปแล้วเป็นเรื่องของสัญชาตญาณและธรรมชาติของหมาไม่มีเรื่องผีเข้ามาเกี่ยวข้องเลย

ทีมา knowledgesharing.thaiportal.net/

ข้าวโพดสีม่วง มีดีอย่างไร


ข้าวโพดสีม่วง พัฒนามาจากสายพันธุ์ข้าวโพดสีม่วงผสมกับข้าวโพดข้าวเหนียว ทำให้ได้ข้าวโพดข้าวเหนียวสีม่วงที่มีฝักใหญ่ รสชาติหวานและเหนียว แถมยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูงด้วย
ส่วนสีม่วงเข้มในเมล็ดข้าวโพด คือสารแอนโทไซยานิน ซึ่งมีคุณสมบัติในการต้านสารอนุมูลอิสระ ช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคมะเร็งชนิดเนื้องอก เสริมการทำงานของเมล็ดเลือดแดง ชลอการเกิดไขมันอุดตันในหลอดเลือด ควบคุมระดับน้ำตาลและชลอความแก่ ซึ่งสารตัวนี้ยังคงมีในผักและผลไม้สีม่วงอีกด้วย

8 เคล็ดลับ ช่วยให้หลับสบาย

ผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ส่งผลร้ายต่อสุขภาพซึ่งประกอบด้วยการรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพและความเครียด แต่อีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพคือการนอนหลับที่ไม่เพียงพอ

การที่ร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอสามารถส่งผลร้ายต่อสุขภาพได้พอๆ กับการเลือกรับประทานอาหารแบบผิดๆหรือการที่ปล่อยให้ร่างกายเผชิญกับสภาวะซึมเศร้า เว็บไซต์ด้านสุขภาพ WebMD.com และ Mayo Clinic ได้ให้เคล็ดลับง่ายๆ สำหรับนอนหลับอย่างเต็มอิ่มดังต่อไปนี้

1. จัดสรรเวลาการนอน
พยายามจัดสรรเวลาการนอนให้เป็นเวลา และพยายามเข้านอนตามเวลานั้นๆ อย่างสม่ำเสมอ

2. รับประทานอาหารอย่างถูกต้อง
นอกจากการหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนแล้ว ก็ไม่ควรนอนในขณะที่กำลังหิวหรืออิ่มเกินไป และไม่ควรนอนทันทีหลังจากที่ดื่มน้ำหรือรับประทานของเหลว เมื่อใดก็ตามที่คุณรู้สึกหิว ให้รับประทานผลไม้ เช่น กล้วย ที่อุดมไปด้วยโปแทสเซียมและได้รับการวิจัยมาแล้วว่าสามารถช่วยให้นอนหลับสบายหลังจากรับประทาน

3. ใช้อุปกรณ์เสริม
การใช้ที่ปิดตา ที่อุดหู และการเปิดดนตรีเบาๆ จะช่วยให้การนอนหลับของคุณดีขึ้น อยู่ห่างจากเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด รวมไปถึงแล็บท็อป หรืออุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ต่างๆ ที่สามารถรบกวนคุณได้ในระหว่างการนอนหลับ ปิดไฟในห้องนอนเพื่อสร้างบรรยากาศที่สงบให้กับตัวคุณเอง

4. หาวิธีกล่อมตัวเอง
พยายามหาวิธีที่จะช่วยทำให้คุณรู้สึกสบายตัวและผ่อนคลายสมองเพื่อที่จะพร้อมในการนอน ไม่ว่าจะเป็นการอาบน้ำอุ่น อ่านหนังสือ ไปจนกระทั่งการฟังเพลง

5. ออกกำลังกาย
ผู้เชี่ยวชาญค้นพบว่า การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยทำให้คุณหลับสบายมากขึ้น
6. ทำสมาธิ
การฝึกกำหนดลมหายใจ นั่งสมาธิ การเล่นโยคะ และการรำไท่เก็ก ช่วยให้ร่างกายของคุณผ่อนคลายและหลับสบายมากขึ้น

7. ทำใจให้สงบ
หากมีอะไรรบกวนจิตใจก่อนเข้านอน ให้ระบายสิ่งที่กวนใจนั้นด้วยการเขียนลงบนกระดาษ หรือว่าระบายให้คนรัก เพื่อน คนใกล้ตัว หรือจิตแพทย์ฟัง

8. ขอปรึกษาจากแพทย์
หลายๆ คนอาจมองว่าการนอนไม่พอมีปัจจัยมาจากความเครียด แต่ที่จริงแล้วการที่ร่างกายได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอนั้นอาจส่งผลกับร่างกายในด้านอื่นๆ ได้อีก ถ้ามีปัญหาในเรื่องของการนอนหลับควรรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

10 อันดับอาหารญี่ปุ่นที่คนต่างชาติคิดว่าแปลก

10 อันดับอาหารญี่ปุ่นที่คนต่างชาติคิดว่าแปลก!!

10 Shirauo no Odori Gui


อันดับที่ 10 Shirauo no Odori Gui คล้ายกับกุ้งเต้นบ้านเรา แต่ในญี่ปุ่นจะเป็นปลาตัวเล็กๆ เมนูนี้เป็นที่นิยมมากในฤดูใบไม้ผลิในฟุคุโอกะ



9 Shiokara


อันดับที่ 9 Shiokara หรือ ปลาร้าญี่ปุ่นนั่นเอง แต่ที่แตกต่างจากปลาร้าบ้านเราคือ ที่ญี่ปุ่นเค้าไม่ใช้ปลาจะใช้ปลาหมึกหมักกับเกลือแทน หน้าตาก็ใกล้เคียงกับบ้านเราเหมือนกันแฮะ (อ้าว! งั้นจะเรียกว่าปลาร้าได้ไง เรียก หมึกร้า ละกัน ฮ่า)



8 Kujira & Iruka

อันดับที่ 8 Kujira & Iruka หรือ เนื้อวาฬกับเนื้อโลมานั่นเอง !! คงเป็นเรื่องน่าตกใจอยู่ไม่น้อยสำหรับคนไทยอย่างเราๆ ที่สัตว์น่ารักในเรื่องพินอคคิโอ้ ได้กลายเป็นอาหารยอดนิยมไปเรียบร้อยแล้ว หลายคนคงสงสัยว่าวาฬเป็นสัตว์ใหญ่และใกล้สูญพันธ์ ทำไมคนญี่ปุ่นถึงฆ่ากินเนื้อกันเป็นว่าเล่น มันอร่อยเหาะขนาดนั้นเชียวหรือ คำตอบคือไม่เลย เนื้อวาฬทั้งเหนียวทั้งมัน แต่ที่ญี่ปุ่นยังคงกินอยู่ก็เพราะว่า ตอนหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ตอนที่สหรัฐเข้ามายึดญี่ปุ่นน่ะสิ ญี่ปุ่นสนับสนุนให้ประชาชนกินเนื้อวาฬ เพราะมันมีมากและราคาถูก แต่เหตุผลจริงๆ ที่ญี่ปุ่นยังดำเนินประเพณีกินเนื้อวาฬมาถึงปัจจุบันนี้ก็เพราะว่า ปลาทูน่าหรือปลามากุโระที่มีรสชาติอร่อยและเป็นที่นิยมมากน่ะสิ ญี่ปุ่นกลัวว่า ถ้ายอมรับกฎห้ามล่าวาฬ อีกหน่อยก็จะพลอยโดนกดดันไม่ให้ล่ามากุโระไปด้วย เฮ้อออออ เป็นวาฬนี่มันต้องสละชีพเพื่อทูน่า จริงๆ เลย!!


7 Shirako

อันดับที่ 7 Shirako หรือ ถุง, ท่อเก็บน้ำอสุจิของปลา ปลาที่นิยมเอามาทำอาหารก็จะเป็นปลาคอด ปลาปักเป้าและปลาแองเกลอร์ ที่ให้รสสัมผัสถึงความสดและนุ่มละมุน คำว่าชิราโกะแปลตรงตัวว่า white children หรือเด็กผู้บริสุทธิ์นั่นเอง เป็นเมนูที่จะได้กินกันในหน้าหนาว



6 Hachinoko

อันดับที่ 6 Hachinoko หรือตัวอ่อนของผึ้ง เป็นอาหารที่นิยมในนากะโนะ (Nagano) หลังจากเก็บตัวอ่อนมาจากรังผึ้งแล้วก็นำปรุงอาหารกับซอสถั่วเหลืองและน้ำตาล เป็นขนมขบเคี้ยวที่นิยมมากในสมัยก่อน ว่ากันว่าจักรพรรดิฮิโรฮิโตะ ชอบรับประทานตัวต่อทอด เสิร์ฟกับข้าวต้มราดด้วยซอสถั่วเหลืองกับน้ำตาลเป็นอย่างมาก



5 Fugu

อันดับที่ 5 Fugu หรือ ปลาปักเป้า นับเป็นอาหารชั้นเหลาทีเดียวในญี่ปุ่น เมื่อมีการเลี้ยงฉลองเจ้าเนื้อปลาปักเป้าก็มักถูกนำมาเสิร์ฟ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของซาชิมิหรือซูชิ ถึงแม้ว่าปลาชนิดนี้จะเป็นปลาที่มีพิษร้ายแรงทำให้ผู้บริโภคเสียชีวิตได้ และมีคนเสียชีวิตเพราะมันอยู่ตลอด มันก็ยังเป็นที่นิยมอยู่ดี ทางรัฐบาลญี่ปุ่นก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเตือนให้ชาวญี่ปุ่นออกมาทานปลาชนิดนี้ที่ร้านที่มีความเชี่ยวชาญเท่านั้น อย่าริแล่ทานเองที่บ้าน เพราะอันตรายของมันไม่คุ้มกับรสอร่อยของมันแน่นอน!!



4 Natto

อันดับที่ 4 Natto คล้ายๆ ถั่วเน่าบ้านเรา นัตโตะเป็นอาหารพื้นเมืองของชาวญี่ปุ่น ทำจากถั่วเหลืองหมักกับแบคทีเรีย Bacillus subtilis นิยมกินเป็นอาหารเช้าเพราะให้โปรตีนสูง นัตโตะนิยมปรุงด้วยซอสถั่วเหลืองและมิโสะ กินกันมากในแถบ คันโต ฮอกไกโด และโทโฮคุ



3 Basashi

อันดับที่ 3 Basashi เนื้อม้า เป็นสัตว์ที่ดูน่ารักอีกแล้ว!! เป็นเนื้อที่นิยมกินกันในไม่กี่ประเทศ ตอนแรกเริ่มกินกันที่ยุโรปและแอฟริกาใต้ แล้วค่อยๆ มาถึงเอเชีย ใน 8 ประเทศที่บริโภคเนื้อม้ามากที่สุดเฉลี่ยปริมาณการกินเนื้อม้าเป็นม้า 4.7 ล้านตัวต่อปี บาซาชิ คือ เนื้อม้าดิบๆ เสิร์ฟมาบนน้ำแข็ง กินกับซอสถั่วเหลือง เคียงมากับใบชิโสะ และหัวไชเท้าญี่ปุ่น บางที่เรียกเมนูนี้ว่า ซากุระ เพราะมันมีสีแดงสดสวย (คล้ายดอกซากุระละมั้ง)



2 Nago no Tsukudani

อันดับที่ 2 Nago no Tsukudani ตั๊กแตนทอดดด ไม่ค่อยแปลกสำหรับคนไทยเท่าไหร่เนอะ แต่แคลเซี่ยมสูงใช้ได้เลย

1 Zazamushi

อันดับที่ 1 Zazamushi แมลงต่างๆ ทอดนั่นเอง ไม่แปลกอีกเหมือนกันสำหรับคนไทย แต่แมลงทอดของญี่ปุ่นนี่ส่วนมากเค้าจะจับเอาแถวแม่น้ำ และที่สำคัญเมนูนี้ได้นำเอาไปเสิร์ฟกันในร้านอาหารด้วย ไม่ใช่คีบใส่ถุงก๊อปแก๊ปเหมือนบ้านเรานะจ๊ะ


ที่มา : marumura.com

วันพุธที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ผักใบเขียวป้องกันเบาหวานได้อย่างไร




คุณเชื่อไหมค่ะว่าผักใบสีเขียวๆเนี้ย สามารถป้องกันโรคเบาหวานได้ แต่ว่าจะป้องกันได้อย่างไร มีคำตอบมาฝากกันค่ะ
เบาหวานเกิดจากการที่ร่างกายเรานั้นไม่สามารถผลิตอินซูลินที่ทำหน้าที่เผ่าพลาญน้ำตาลได้อย่างเพียงพอค่ะ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดนั้นสูงขึ้น แต่ผักใบเขียวๆเหล่านี้ช่วยคุณได้ จากผลการวิจัยพบว่า ผักใบเขียวเหล่านี้อุดมไปด้วยวิตามิน ไฟเบอร์ แมกนีเซียม ที่มีผลต่อการควบคุมระดับน้ำตาลและอินซูลินในเลือดทั้งยังช่วยชลอการย่อยอาหาร และการดูดซึมน้ำตาลกลูโคส ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของเรานั้นคงที่อีกด้วยค่ะ

ปฏิบัติตัวให้ไกลหวัด

หน้าฝนแบบนี้ มีหลายคนที่บ่นว่าไม่ชอบ ทั้งชื้น ทั้งแฉะและที่สำคัญทำให้เราไม่สบายและเป็นหวัดได้ง่ายกว่าฤดูอื่นๆแต่เมื่อเลี่ยงไม่ได้
ก็มีวิธีการดูแลตัวเองอย่างไรให้ห่างไกลหวัดมาเป็นเกร็ดความรู้กัน

1.สังเกตได้ว่าเมื่อฝนใกล้ตก
คนส่วนใหญ่มักวิ่งหลบฝน หรือเอามือบังศีรษะเพื่อไม่ให้เปียก นั้นไม่ใช่วิธีที่จะป้องกันการเกิดไข้หวัดได้ เพราะช่วงเวลาที่ฝนกำลังตก ลมจะพัดพาเอาฝุ่นและเชื้อโรคต่างๆเข้ามา แทนที่คุณจะเอามือปิดศีรษะ ควรจะใช้มือปิดจมูกและปิดปาก เพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายจะดีที่สุด

2.ทำตัวให้แห้งอยู่เสมอ
เมื่อใดที่เปียกฝน ควรชะล้าง ทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่มากับฝน ด้วยการอาบน้ำสระผมให้สะอาดและเช็ดตัวแห้งทุกครั้ง ไม่ควรปล่อยให้ตัวเปียกชื้นในอากาศที่เย็น เพราะนั่นจะทำให้เป็นหวัดได้ง่ายขึ้น

3.สร้างความอบอุ่นให้ร่างกาย
ด้วยการดื่มเครื่องดื่มอุ่นๆอย่างนมหรือชา และสวมเสื้อหรือห่มผ้าหนาๆ

4.พักผ่อนให้เพียงพอ
เพื่อให้ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และทำให้มีสุขภาพที่แข็งแรง ห่างไกลจากหวัด

5.ถ้าหากเริ่มรู้สึกว่ามีอาการของไข้หวัดแล้ว
ควรจะกินยาเพื่อป้องกันจะดีสุดและควรดื่มน้ำอุ่นให้มากๆรับประทานผัก ผลไม้ที่มีวิตามินซี และดูแลตัวเองให้หายจากอาการไข้หวัดโดยเร็ว เพราะบางทีการเป็นหวัดนานๆจะทำให้เกิดโรคอื่นๆ ตามมาทั้งหลอดลมอักเสบ และโรคทางเดินหายใจอื่นๆ
ที่สำคัญเพื่อป้องกันไม่ให้โรคต่างๆมาเยือน ควรดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่สม่ำเสมอด้วยการออกกำลังกายและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้คุณมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงอยู่เสมอ และอย่าลืมพกร่มในช่วงหน้าฝนด้วยครับ

ที่มา : หนังสือพิมM2F, never-age.com

วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

งีบหลับตอนกลางวัน ดีต่อสมองและการจดจำ

เบิร์กลีย์ - นักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐระบุว่า การงีบหลับช่วงกลางวันช่วยให้สมองจดจำข้อมูลใหม่ได้ดีขึ้น
ช่วงหลายปีมานี้มีการศึกษามากมายเกี่ยวกับการงีบหลับนอนกลางวัน แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าให้ผลดีอย่างไร ล่าสุด มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเบิร์กลีย์ ศึกษาพบว่า สมองอาจต้องการพักผ่อนชั่วขณะเพื่อประมวลความจำระยะสั้นจะได้จัดพื้นที่ สำหรับรับข้อมูลใหม่ๆ พวกเขาให้อาสาสมัครผู้ใหญ่สุขภาพแข็งแรง 39 คน ทำแบบทดสอบด้านการเรียนรู้ยากๆ ในช่วงเช้า ทั้งหมดได้คะแนนไม่ต่างกัน จากนั้นให้อาสาสมัครครึ่งหนึ่งได้นอนตอนกลางวันเป็นเวลา 90 นาที แล้วให้อาสาสมัครทั้งหมดกลับมาทำแบบทดสอบอีกครั้งพบว่า คนที่ได้นอนกลางวันทำคะแนนดีกว่าคนที่ไม่ได้นอน
ผลการตรวจสอบคลื่นไฟฟ้าสมองชี้ว่า ช่วงที่ลูกตาไม่มีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วคือช่วงที่หลับลึกไปจนถึงช่วง ฝัน ความจำเกี่ยวกับข้อเท็จจริงต่างๆ จะถูกย้ายจากฮิปโปแคมปัสซึ่งเป็นที่เก็บความจำชั่วคราวไปยังสมองส่วนหน้า นักวิจัยเปรียบเทียบว่า เหมือนกับอีเมลในสมองส่วนฮิปโปแคมปัสเต็ม การนอนหลับจะช่วยย้ายอีเมลเหล่านี้ไปยังสมองอีกส่วนหนึ่งให้สามารถรับอีเม ลใหม่ๆ ได้
ด้าน ศ.เดิร์ค ยาน ดิจค์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการนอนหลับเซอร์เรย์ในอังกฤษติงว่า ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่า การงีบหลับตอนกลางวันให้ผลดีกว่าการนอนครั้งเดียวในแต่ละวัน เพราะวงจรการหลับและตื่นของคนไม่ได้จำกัดอย่างที่คิด การศึกษานี้เกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมที่ถูกกำหนด ผลที่ได้อาจแตกต่างไปเมื่ออยู่ในสภาพความเป็นจริง การประเมินผลจึงทำได้ยาก นอกจากนี้ การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในช่วงที่ร่างกายพร้อมย่อมดีกว่าช่วงที่ง่วงนอนอยู่แล้ว
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Getty Images

หน้าฝนนี้ ต้องกระเป๋าพลาสติกเท่านั้น

เข้าหน้าฝนแบบเต็มตัวด้วยแฟชั่นที่เห็นเพื่อนๆ วัยทีนเข้ากับอินเทรนด์กันสุดๆ ก็คือ กระเป๋าพลาสติก ทั้ง ดีไซน์ การออกแบบรูปทรงที่มีความทันสมัย สีสันที่สดใสน่าใช้กว่าเดิมและส่วนมากกระเป๋าที่ทำจากพลาสติกจะเป็นแบบใสทำ ให้เราหยิบของได้สะดวก หรือถ้าใครกลัวเรื่องโจรขโมยของในกระเป๋าไม่ต้องกังวลไปนะคะ ลองหากระเป๋าพลาสติกแบบทึบที่มองไม่เห็นจากด้านนอก ก็เป็นการป้องกันแก๊งมิจฉาชีพก็เหมือนกันได้นะคะ

10 สัญญาณอันตรายทางการเงิน

1. คุณมีค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนสูงกว่ารายได้
2. เวลาไปจ่ายค่าบัตรเครดิต คุณชำระเพียงแค่ยอดขั้นต่ำเท่านั้น
3. คุณคิดจะทำบัตรเครดิตเพิ่มอีกใบ เพื่อนำเงินมาชำระหนี้บัตรเครดิตใบเก่า (รวมแล้วคุณมีบัตรเครดิตเกิน 5 ใบ)
4. ในแต่ละเดือนคุณต้องจ่ายค่าบัตรเครดิตเป็นจำนวนมากจนเหลือเงินไม่พอใช้จ่ายอย่างอื่น
5. คุณค้างชำระค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา ฯลฯ เป็นประจำ
6. คุณใช้เงินไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจอยากจะรู้ว่าเหลือเงินในบัญชีเท่าไรแล้วตอนนี้
7. ตอนนี้คุณเริ่มถูกทวงถามเรื่องค่าใช้จ่ายจากเพื่อนๆ หรือหน่วยงานต่างๆ แล้ว
8. คุณไม่มีเงินเก็บเลยในบัญชีธนาคาร
9. คุณใช้บัตรเครดิตซื้อของกินของใช้ประจำวัน เพราะไม่มีเงินสดติดกระเป๋า
10. ตัวคุณ หรือสามี-ภรรยา คุยกันเรื่องเงินน้อยลง แถมยังปกปิดค่าใช้จ่ายที่แท้จริงไม่ให้อีกฝ่ายรู้







วิธีแก้คือ ให้คุณทบทวนดูว่า สาเหตุอะไรที่ทำให้เงินขาดมือ และเป็นแค่ชั่วคราวเพราะมีเหตุฉุกเฉินอะไรบางอย่างเข้ามาทำให้มีค่าใช้จ่าย เพิ่มขึ้น หรือเป็นเพราะว่าเราไม่ใส่ใจดูแลการเงินให้ดีกันแน่
ถ้าเป็นเพราะเราไม่ใส่ใจดูแลการเงินให้ดีล่ะก็ ถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายตั้งแต่บัดนี้ ถ้าปัญหานั้นเกิดจากคนอื่นในบ้าน ก็ต้องมานั่งพูดคุยกัน ร่วมมือกันเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยอาจทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายของทุกคนในบ้าน แล้วนำมานั่งดูให้รู้ปัญหาร่วมกัน หากทุกคนยอมรับได้ ก็ถือว่าการแก้ปัญหาสำเร็จไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว
จากนั้นขอให้ทุกคนทำบัญชีค่าใช้ จ่ายประจำวันของตัวเอง เพื่อจะได้ควบคุมการใช้จ่ายได้ ที่สำคัญคนที่มีหน้าที่ดูแลค่าใช้จ่ายภายในบ้านต้องมีวินัยในการชำระค่าใช้ จ่ายต่างๆ และห้ามนำเงินส่วนต่างๆ เหล่านี้มาใช้จ่ายกับเรื่องที่ไม่ได้วางแผนไว้โดยเด็ดขาด

วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

แมวไทยแท้ เหลือเพียง4สายพันธุ์ ปัจจุบันใกล้สูญพัน

แมวไทยแท้ เหลือเพียง4สายพันธุ์ ปัจจุบันใกล้สูญพัน
ในประเทศไทยมีหลายครัวเรือนที่เลี้ยงแมวไว้ในบ้านเปรียบเสมือนสมาชิกในครอบครัว ด้วยความน่ารัก ขี้อ้อน และแสนซนของเจ้าแมวตัวน้อย ทำให้สามารถพิชิตใจเหล่าคนรักสัตว์มาเป็นเวลานาน คนส่วนใหญ่อาจไม่รู้ว่า ประเทศไทยมีแมวพันธุ์ไทยแท้หลากหลายสายพันธุ์ตั้งแต่สมัยอดีต แต่ปัจจุบันกลับเหลืออยู่เพียง 4 สายพันธุ์
แมวไทยจัดเป็นแมวพันธุ์แท้ที่สืบเชื้อมาจากแมวโบราณ ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นแมวขนสั้นที่สวยสง่าที่สุดในโลก ด้วยลักษณะรูปร่างที่สมส่วน ศีรษะไม่กลมหรือแหลมจนเกินไป หน้าผากกว้าง จมูกสั้น หูตั้งสั้น ลำตัวเพรียวบาง รูปร่างขนาดปานกลาง ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว ขนแน่นอ่อนนุ่มไปทั้งเรือนร่าง หางยาว โคนหางใหญ่ปลายหางเรียวแหลมชี้ตรง รวมถึงจุดเด่นที่สำคัญคือ มีสีสันงดงามแปลกตาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากกว่าแมวพันธุ์อื่น และมีความฉลาด ซื่อสัตย์ มีความเป็นตัวของตัวเอง รู้จักคิด ชอบประจบ รักบ้านรักเจ้าของ
ถามถึงความเป็นมาของแมวไทยกว่ามีทั้งหมดกี่ชนิดในสมัยโบราณและยังหลงเหลืออยู่กี่ชนิด
ในปัจจุบัน นายปรีชา พุคคะบุตร เจ้าของศูนย์การเรียนรู้ในชุมชน แมวไทยโบราณ กล่าวว่า ตามหลักฐานที่ปรากฏในสมุดข่อยโบราณ
 กล่าวไว้ว่าแมวไทยมีทั้งหมด 23 ชนิด เป็นแมวมงคล 17 ชนิด และแมวร้ายให้โทษ 6 ชนิด แมวมงคล 17 ชนิด ประกอบด้วย นิลรัตน์ วิลาศ ศุภลักษณ์ เก้าแต้ม มาเลศ แชมเศวต รัตนกัมพล วิเชียรมาศ นิลจักร มุลิลา กรอบแว่นหรืออานม้า ปัดเศวตหรือปัดตลอด กระจอก สิงหเสพย์ การเวก จตุบท และโกนจา ส่วน แมวร้ายให้โทษ 6 ชนิด ได้แก่ ทุพพลเพศ พรรณพยัคฆ์หรือลายเสือ ปีศาจ หิณโทษ กอบเพลิง และเหน็บเสนียด
ประเทศไทยไม่ได้มีการอนุรักษ์แมวไทยอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
 ทำให้ปัจจุบันนี้แมวมงคลสูญพันธุ์ไปแล้วถึง 13 ชนิด หลงเหลือให้คนรุ่นหลังได้ชมเพียง 4 ชนิดเท่านั้น ได้แก่ วิเชียรมาศ สีสวาดหรือโคราช(มาเลศหรือดอกเลา) ศุภลักษณ์หรือทองแดง และโกนจาหรือดำปลอด รวมถึงอีกหนึ่งชนิดคือ ขาวมณี ที่ถูกสันนิษฐานว่าเกิดในช่วงสมัยรัตนโกสินทร์ จึงไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในสมุดข่อยโบราณ ที่รวบรวมลักษณะแมวมงคล 17 ชนิด เป็นเรื่องน่าเสียดายมากที่พันธุ์แมวไทยแท้เหลือน้อยลงทุกวัน เพราะคนไทยมองข้ามแมวไทยหันไปเลี้ยงแมวสายพันธุ์ของต่างประเทศเป็นจำนวนมาก
ด้านความเป็นมาและลักษณะสำคัญของแมวไทย 4 ชนิดที่ยังหลงเหลืออยู่ เจ้าของศูนย์การเรียนรู้ในชุมชน แมวไทยโบราณ เปิดเผยว่า
แมวไทยทั้ง 4 ชนิดจะมีลักษณะและจุดเด่นที่แตกต่างกัน
 แมววิเชียรมาศ ตามหลักฐานในสมุดข่อยโบราณของไทย ระบุว่าเป็นแมวที่คนไทยเลี้ยงไว้ในพระราชสำนัก เพราะเชื่อว่าเป็นแมวนำโชคลาภ ชาวบ้านธรรมดาไม่มีโอกาสได้เลี้ยง แมววิเชียรมาศ มีลักษณะเด่น คือ มีตาสีฟ้าสดใส เหมือนตาฝรั่ง ส่วนสีขนลำตัวนั้นเป็นสีครีม และมีแต้มสีเข้ม ที่เรียกว่า แต้มสีครั่ง ได้แก่ ที่บริเวณหน้า หูทั้งสองข้าง ขาทั้งสี่ข้าง หาง และที่อวัยวะเพศ รวม9ตำแหน่ง
สำหรับ แมวสีสวาด หรือแมวโคราช สมัยโบราณเรียกว่า แมวมาเลศ แต่ที่เรียกว่าแมวโคราช เพราะเรียกตามถิ่นกำเนิด คือค้นพบที่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา มีความเชื่อว่าเป็นแมวแห่งโชคลาภ เพราะมีสีขนคล้ายสีเมฆ ตามีสีเหลืองอมเขียวประดุจข้าวกล้า ดังนั้นจึงถูกใช้ในพิธีแห่นางแมวขอฝนในสมัยโบราณ แมวโกนจา หรือแมวดำปลอด มีสีขนดำทั้งตัวไม่มีขนสีอื่นแซม ตาสีเหลืองดอกบวบแรกแย้ม ลักษณะการเดินทอดเท้าคล้ายสิงโต สมัยก่อนมีความเชื่อว่าถ้าเลี้ยงแมวโกนจาไว้เจ้าของจะมีสมบัติมากมาย

แมวศุภลักษณ์ หรือแมวทองแดง มีขนสีน้ำตาลเข้มเหมือนสีทองแดงทั้งตัว ตามีสีเหลืองเป็นประกาย นับเป็นแมวพันธุ์ไทยแท้ที่เหลือจำนวนน้อยมากในปัจจุบัน แต่มีแมวลักษณะคล้ายกันอยู่ในประเทศพม่า น่าจะเป็นแมวศุภลักษณ์ของไทยหลงเข้าไปในประเทศพม่าครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 โดย ดร.โจเซฟ ซีทอมสัน ขาวอเมริกัน ได้นำลูกแมวจากประเทศพม่าไปพัฒนาสายพันธุ์ และจดทะเบียนที่ประเทศอังกฤษในชื่อ แมวพม่า ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับแมวศุภลักษณ์ของไทย
คนรักแมวและอยากเห็นแมวไทยแท้อย่างใกล้ชิด พร้อมได้ความรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์แมวไทย เดินทางไปได้ที่ ศูนย์การเรียนรู้ในชุมชน แมวไทยโบราณ ตั้งอยู่ที่ ม.7 ต.แควอ้อม อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00 – 17.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 0 3473 3284 , 0 3470 2068 , 08 4003 4194

ขอบคุณภาพจาก
 เว็บไซด์บ้านแมวไทย

10 ข้อคิด เพิ่มคุณค่าให้ชีวิตเรา








1. จริงอยู่ที่มิตรภาพความเป็นเพื่อนนั้นไม่มีวันหมด แต่คุณอาจลืมไปว่ามันเปลี่ยนแปลงได้

         
2. เมื่อคุณตระหนักว่า ไม่มีใครช่วยคุณ ในเวลาที่คุณมีความทุกข์ ไม่มีใครดีใจอย่างจริงใจกับคุณ ยามเมื่อคุณมีความสุข     เมื่อนั้นคุณเรียนรู้ที่จะหาเพื่อนแท้ให้กับชีวิตคุณได้แล้ว

         
3. อดีตเป็นสิ่งที่ผ่านมาแล้ว ปล่อยความเจ็บปวดความทรมานที่ได้ประสบ
ผ่านไปกับอดีตด้วย

         
4. อย่าละเลยและเพิกเฉยต่อคนที่คุณชอบพอ เพราะมัวคิดว่าปล่อยให้ความสัมพันธ์ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ชีวิตคนเราแสนสั้น จะตายวันตายพรุ่งก็ยังไม่รู้

         
5. คุณไม่ได้ตายจากความเจ็บปวดในชีวิตที่ผ่านมา แต่มันทำให้คุณเข้มแข็งขึ้น

         
6. อย่าให้ชีวิตขึ้นกับคนอื่น เพื่อทำให้คุณมีความสุข

         
7. ชีวิตแต่งงานและครอบครัว เป็นเรื่องที่สำคัญ จงอย่ารีบร้อนในการตัดสินใจ

         
8. แสดงความชื่นชมกับคนที่คุณรักและห่วงใย ในทุกๆ วัน ไม่ใช่แค่วันหยุดหรือวันเกิด

         
9. ผู้คนผ่านเข้ามาในชีวิตของคุณ ทั้งด้วยเหตุผลและด้วยโอกาส ซึ่งนำพาทั้งความสุขและบทเรียนมาให้คุณ

         
10. เมื่อใดก็ตามที่ผิดหวัง จงมองโลกในแง่ดีเข้าไว้

วันอังคารที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

10 อันดับ เมืองเก่าแก่ที่สวยที่สุดในโลก




Delhi อันดับที่ 10 Delhi
3,000 years
Rome
อันดับที่ 9 Rome
753 BCE
Xi’an
อันดับที่ 8 Xi’an
3,100 years
Lisbon
อันดับที่ 7 Lisbon
3,200 years
Athens
อันดับที่ 6 Athens
3,500 years
Tel Aviv
อันดับที่ 5 Tel Aviv
4,000 years
Jerusalem
อันดับที่ 4 Jerusalem
6,000 years
Beirut
อันดับที่ 3 Beirut
5,000 years
Plovdiv
อันดับที่ 2 Plovdiv
since 6,000
Damascus
อันดับที่ 1 Damascus
12,000 years